Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    hotphuketvillas.com
    • Home
    • ข่าวสารล่าสุด
    • ความบันเทิง
    • สุขภาพ
    hotphuketvillas.com
    สูตรอาหาร

    สูตรราเม็งชิโอะ (Shio Ramen) แบบ อร่อย และดั้งเดิม

    Gerald BakerBy Gerald BakerNovember 13, 2025No Comments2 Mins Read

    ราเม็งชิโอะ (Shio Ramen) เป็นหนึ่งในสี่ประเภทหลักของราเม็งญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อร่อย โดยคำว่า “ชิโอะ” (塩) หมายถึง “เกลือ” ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักที่ให้รสชาติแก่ซุปประเภทนี้ ความโดดเด่นของชิโอะราเม็งคือรสชาติที่ใส เบา และสะอาด กลมกล่อมโดยไม่มันเลี่ยน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลิ้มรสความละเมียดของน้ำซุปแท้ ๆ ที่ได้จากกระดูกสัตว์และสาหร่ายทะเล

    ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักต้นกำเนิดของราเม็งชิโอะ เคล็ดลับในการทำน้ำซุปให้ออกมาใสและหอม พร้อมสูตรแบบดั้งเดิมที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน


    ความเป็นมาของราเม็งชิโอะ

    ราเม็งชิโอะถือเป็นราเม็งประเภทเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในเมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate) จังหวัดฮอกไกโด เมืองชายทะเลแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องอาหารทะเลสด ๆ และน้ำทะเลใสสะอาด จึงไม่น่าแปลกใจที่ราเม็งชิโอะจะได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมชายฝั่ง โดยเน้นรสชาติที่สดชื่น เค็มกำลังดี และไม่ข้นจนเกินไป

    ต่างจากราเม็งโชยุ (ซีอิ๊วญี่ปุ่น) หรือมิโสะราเม็งที่มีรสเข้มข้น ราเม็งชิโอะมีความละเอียดอ่อนในรสชาติ น้ำซุปใสของมันมักได้จากการเคี่ยวกระดูกไก่ หมู หรือปลาแห้งร่วมกับสาหร่ายคอมบุและผักหอม จึงให้กลิ่นหอมธรรมชาติและสัมผัสบางเบาแต่ลึกซึ้ง


    ส่วนประกอบหลักของชิโอะราเม็ง

    การทำราเม็งชิโอะให้อร่อยนั้น ต้องให้ความสำคัญกับทุกองค์ประกอบ ตั้งแต่น้ำซุป เส้นราเม็ง ไปจนถึงเครื่องเคียงและน้ำมันหอมปรุงรส

    1. น้ำซุป (Broth)

    หัวใจสำคัญของชิโอะราเม็งคือน้ำซุปที่ใสและมีกลิ่นหอม เนื้อซุปที่ดีต้องมีรสกลมกล่อมจากกระดูกสัตว์และสาหร่ายโดยไม่ขุ่นหรือมันมากเกินไป ส่วนผสมพื้นฐานมีดังนี้

    • กระดูกไก่หรือกระดูกหมู 1 กิโลกรัม
    • หัวหอมใหญ่ 1 หัว
    • ขิงหั่นแว่น 4–5 แว่น
    • กระเทียม 5 กลีบ
    • ต้นหอมญี่ปุ่น 1 ต้น
    • สาหร่ายคอมบุ (kombu) 10 กรัม
    • ปลาแห้งคัตสึโอะบุชิ 1 ถ้วย
    • น้ำสะอาด 3 ลิตร

    วิธีทำคือ นำกระดูกไปล้างให้สะอาด จากนั้นต้มในน้ำเดือดสักครู่เพื่อขจัดคราบเลือดและสิ่งสกปรก แล้วเทน้ำทิ้ง จากนั้นเติมน้ำใหม่ ใส่ผักและเครื่องปรุงทั้งหมดลงไป เคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 4–5 ชั่วโมง ระหว่างนั้นให้คอยช้อนฟองออกเพื่อให้ซุปใส เมื่อเคี่ยวเสร็จให้นำมากรองผ่านผ้าขาวบาง จะได้น้ำซุปใสที่มีกลิ่นหอมละมุน

    2. ทาเระ (Tare) หรือซอสปรุงรสหลัก

    ทาเระในชิโอะราเม็งจะเน้นรสเกลือที่กลมกล่อม ไม่เค็มโดด สามารถทำได้โดยใช้ส่วนผสมดังนี้

    • เกลือทะเล 2 ช้อนโต๊ะ
    • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
    • มิริน 1 ช้อนโต๊ะ
    • สาเก 1 ช้อนโต๊ะ
    • สาหร่ายคอมบุเล็กน้อย
    • ผงปลาคัตสึโอะเล็กน้อย

    นำส่วนผสมทั้งหมดใส่หม้อเล็ก ตั้งไฟอ่อน เคี่ยวเบา ๆ ประมาณ 5 นาที จากนั้นกรองออก ทิ้งไว้ให้เย็น จะได้ทาเระชิโอะที่สามารถเก็บไว้ใช้ได้หลายวัน

    3. น้ำมันหอม (Aromatic Oil)

    น้ำมันหอมจะช่วยเพิ่มกลิ่นและความลื่นในปากของราเม็ง โดยนิยมใช้น้ำมันไก่หรือน้ำมันงาเบา ๆ ผสมกับกระเทียมเจียวหรือหัวหอมสับ เพื่อเพิ่มความหอมชวนรับประทาน

    4. เส้นราเม็ง (Noodles)

    เส้นที่เหมาะกับชิโอะราเม็งคือเส้นราเม็งแบบตรงและบาง เพราะสามารถดูดซับน้ำซุปใสได้ดีโดยไม่กลบกลิ่นหลักของซุป เส้นที่ดีควรมีความหนึบและเหนียวนุ่ม

    5. เครื่องเคียง (Toppings)

    เครื่องเคียงที่เข้ากับชิโอะราเม็ง ได้แก่

    • ชาชู (หมูสามชั้นตุ๋นซีอิ๊ว)
    • ไข่ต้มยางมะตูมหมักซีอิ๊ว (Ajitsuke Tamago)
    • หน่อไม้ดอง (Menma)
    • ต้นหอมซอย
    • สาหร่ายโนริ
    • ข้าวโพดหวาน หรือถั่วงอก (ตามชอบ)

    วิธีทำราเม็งชิโอะแบบดั้งเดิม

    1. เตรียมน้ำซุป
      เคี่ยวน้ำซุปตามสูตรที่กล่าวไว้ด้านบนจนได้รสชาติกลมกล่อม จากนั้นพักไว้ให้อุ่น
    2. เตรียมทาเระและน้ำมันหอม
      ผสมทาเระและน้ำมันหอมในชามราเม็ง (ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะทาเระและ 1 ช้อนชาน้ำมันหอมต่อหนึ่งถ้วย)
    3. ต้มเส้นราเม็ง
      นำเส้นราเม็งลงต้มในน้ำเดือดประมาณ 2 นาที หรือจนสุกพอดี จากนั้นสะเด็ดน้ำทันที
    4. ประกอบชามราเม็ง
      เทน้ำซุปเดือดลงในชามที่มีทาเระและน้ำมันหอม ใช้ตะเกียบคนให้เข้ากันเล็กน้อย ใส่เส้นราเม็งลงไป จัดเรียงเครื่องเคียงด้านบนอย่างสวยงาม
    5. เสิร์ฟร้อน ๆ
      ราเม็งชิโอะจะอร่อยที่สุดเมื่อเสิร์ฟทันทีหลังจากปรุงเสร็จ เพราะกลิ่นหอมของน้ำซุปและความร้อนของเส้นจะอยู่ในจุดที่สมดุลพอดี

    เคล็ดลับในการทำให้ชิโอะราเม็งอร่อยเหมือนร้านต้นตำรับ

    • น้ำซุปต้องใสและไม่ขุ่น
      ห้ามต้มแรงจนเดือดพล่าน เพราะจะทำให้น้ำซุปขุ่นและรสชาติหยาบ ควรใช้ไฟอ่อนและช้อนฟองออกเรื่อย ๆ
    • ใช้เกลือคุณภาพดี
      เกลือทะเลหรือเกลือหิมาลายันจะให้รสเค็มที่นุ่มและกลมกล่อมกว่าการใช้เกลือทั่วไป
    • เส้นต้องต้มพอดี
      เส้นที่ต้มเกินไปจะนิ่มและไม่อุ้มน้ำซุปได้ดี
    • สมดุลคือหัวใจของราเม็งชิโอะ
      รสชาติของซุปควรเค็มกำลังดี มีความหอมจากปลาแห้งและสาหร่ายโดยไม่กลบกลิ่นอื่น

    เสน่ห์ของราเม็งชิโอะ

    ราเม็งชิโอะเป็นตัวแทนของความเรียบง่ายที่ลึกซึ้งในวัฒนธรรมญี่ปุ่น เป็นอาหารที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่ไม่หนักเกินไป เหมาะกับทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะวันที่อากาศเย็นหรือเมื่อร่างกายต้องการความสบายจากภายใน

    เมื่อได้ลิ้มลองราเม็งชิโอะแท้ ๆ คุณจะสัมผัสได้ถึงความกลมกล่อมจากซุปใส ความนุ่มของเส้น และความหอมของเครื่องเคียงที่ทำงานร่วมกันอย่างประณีต ทุกคำคือการผสมผสานระหว่างศิลปะและความใส่ใจในรายละเอียดแบบญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

    การปรับสูตรราเม็งชิโอะให้เข้ากับรสนิยมส่วนตัว

    แม้ว่าราเม็งชิโอะจะเป็นสูตรดั้งเดิมจากญี่ปุ่น แต่หนึ่งในเสน่ห์ของอาหารประเภทนี้คือความยืดหยุ่นในการดัดแปลงให้เข้ากับรสนิยมของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นการปรับรสชาติ ความเข้มข้นของซุป หรือการเพิ่มวัตถุดิบใหม่ ๆ เพื่อสร้างความหลากหลาย

    1. ปรับระดับความเค็ม

    สำหรับผู้ที่ไม่ชอบรสเค็มจัด สามารถลดปริมาณเกลือหรือน้ำปลาในส่วนของทาเระได้ และเพิ่มรสกลมกล่อมด้วยสาหร่ายคอมบุหรือปลาแห้งแทน ซึ่งจะช่วยให้ซุปมีความลึกของรสชาติแต่ไม่เค็มโดด

    2. เพิ่มความหอมด้วยสมุนไพร

    หากต้องการกลิ่นหอมที่แตกต่าง ลองเติมใบกระเพราแดงญี่ปุ่น (ชิโสะ) หรือผักชีฝรั่งลงในตอนท้าย จะได้กลิ่นหอมสดชื่นแบบตะวันออกผสมตะวันตก อีกทางเลือกหนึ่งคือใช้น้ำมันงาหอมแทนน้ำมันไก่ เพื่อให้กลิ่นออกแนวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น

    3. ใช้ซุปซีฟู้ดแทนกระดูกสัตว์

    ในบางภูมิภาค เช่น ฮอกไกโดหรือโอซาก้า มีการใช้ปลาทะเลแห้ง หอยลาย และกุ้งแห้งมาต้มเป็นซุปชิโอะ ซึ่งให้รสชาติเค็มกลมกล่อมและกลิ่นทะเลที่ชัดเจน วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการราเม็งแบบเบาแต่ยังคงความเข้มของรสทะเล

    4. เพิ่มเครื่องเคียงตามใจชอบ

    แม้ว่าเครื่องเคียงแบบดั้งเดิมจะเป็นชาชู ไข่ต้ม และหน่อไม้ แต่คุณสามารถสร้างสรรค์ได้ เช่น ใส่เนื้อไก่อบ แซลมอนย่าง หรือผักอบ เพื่อเพิ่มมิติให้กับเมนู อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนเส้นราเม็งเป็นเส้นโซบะหรืออุด้งได้ตามชอบ


    การจับคู่ราเม็งชิโอะกับอาหารอื่น

    ราเม็งชิโอะสามารถรับประทานเป็นจานหลักหรือจับคู่กับอาหารอื่นได้อย่างลงตัว ในร้านราเม็งญี่ปุ่นมักเสิร์ฟพร้อมเมนูเคียงอย่าง เกี๊ยวซ่า หรือ ข้าวหน้าหมูชาชู (Chashu Don) เพื่อเพิ่มความอิ่มและความหลากหลายของรสชาติ

    • เกี๊ยวซ่าทอดกรอบ จะช่วยเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบและตัดความนุ่มของเส้นราเม็งได้ดี
    • ข้าวปั้นไส้ปลาแห้ง (Onigiri) เป็นของกินเล่นที่เข้ากับราเม็งชิโอะได้อย่างสมบูรณ์ เพราะรสเค็มละมุนของซุปจะช่วยดึงรสอูมามิของข้าวปั้นออกมา
    • ชาเขียวร้อนหรือชาอู่หลง ก็เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับล้างปากหลังจากรับประทานราเม็งชิโอะ เพราะช่วยลดความมันและเพิ่มความสดชื่น

    เคล็ดลับการเสิร์ฟราเม็งชิโอะให้ดูน่ารับประทาน

    แม้ราเม็งจะเป็นอาหารจานเดียว แต่การจัดเรียงให้สวยงามก็สำคัญไม่แพ้รสชาติ ร้านราเม็งในญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับ “ความสมดุลของสายตา” เช่นเดียวกับรสชาติ ดังนั้นการจัดวางเครื่องเคียงและเส้นราเม็งจึงต้องพิถีพิถัน

    1. จัดเส้นให้เป็นวงกลางชาม – ใช้ตะเกียบช่วยหมุนเส้นเบา ๆ ให้เป็นกองกลมตรงกลาง จะดูสวยงามและรับประทานง่าย
    2. วางเครื่องเคียงแบบสมดุล – ชาชูวางด้านหนึ่ง ไข่ต้มอีกด้านหนึ่ง และตกแต่งด้วยต้นหอมหรือสาหร่ายด้านบน
    3. ราดน้ำมันหอมตอนสุดท้าย – การราดน้ำมันหอมลงบนผิวซุปก่อนเสิร์ฟจะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและความเงางามให้ชามราเม็ง

    ประสบการณ์การลิ้มรสราเม็งชิโอะในญี่ปุ่น

    หากมีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่น การได้ลองราเม็งชิโอะที่เมืองฮาโกดาเตะถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด ร้านราเม็งหลายแห่งที่นั่นยังคงใช้สูตรดั้งเดิมที่ส่งต่อมาหลายชั่วอายุคน ซุปใสที่หอมกรุ่น เส้นเหนียวนุ่ม และเครื่องเคียงที่จัดอย่างประณีต ทำให้ชามราเม็งดูราวกับงานศิลปะ

    ร้านราเม็งชั้นนำบางแห่ง เช่น “Ajisai Ramen” หรือ “Santouka” มีชื่อเสียงในด้านชิโอะราเม็งที่มีรสชาติสมดุลระหว่างความเค็ม ความหอม และความกลมกล่อมของซุป ทุกชามถูกปรุงด้วยความใส่ใจในรายละเอียด แม้จะเป็นเพียงราเม็งชามเดียว แต่กลับสะท้อนวัฒนธรรมความพิถีพิถันของชาวญี่ปุ่นได้อย่างลึกซึ้ง


    คุณค่าทางโภชนาการของราเม็งชิโอะ

    ถึงแม้ราเม็งมักถูกมองว่าเป็นอาหารที่หนัก แต่ถ้าปรุงอย่างถูกวิธี ราเม็งชิโอะสามารถเป็นอาหารที่มีประโยชน์ได้ เพราะส่วนผสมหลายอย่างมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

    • น้ำซุปจากกระดูกไก่หรือปลา มีคอลลาเจนและแร่ธาตุที่ช่วยบำรุงผิวและข้อต่อ
    • สาหร่ายคอมบุ อุดมไปด้วยไอโอดีนและใยอาหารที่ดีต่อการย่อย
    • ไข่ต้มและหมูชาชู เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี
    • ผักที่ใช้ในซุป เช่น หัวหอม ขิง และต้นหอม ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและให้วิตามินหลายชนิด

    หากต้องการลดแคลอรี สามารถใช้เนื้อไก่แทนหมู และลดปริมาณน้ำมันหอมในสูตร ก็จะได้ราเม็งที่เบาและดีต่อสุขภาพมากขึ้น


    สรุปส่งท้าย

    ราเม็งชิโอะไม่ใช่เพียงอาหารธรรมดา แต่คือสัญลักษณ์ของความสมดุลและความเรียบง่ายที่ลึกซึ้งแบบญี่ปุ่น ทุกขั้นตอนตั้งแต่การเคี่ยวน้ำซุปจนถึงการจัดเรียงเครื่องเคียงสะท้อนถึงความใส่ใจในรายละเอียดและความเคารพต่อวัตถุดิบ

    การทำราเม็งชิโอะด้วยตนเองไม่เพียงทำให้ได้ลิ้มรสชาติที่แท้จริง แต่ยังเป็นการเรียนรู้ปรัชญาการทำอาหารของญี่ปุ่นที่เน้นความกลมกล่อมจากธรรมชาติ เมื่อซดน้ำซุปใสหอมกลิ่นสาหร่ายและปลาแห้ง พร้อมคำของเส้นที่เหนียวนุ่ม จะสัมผัสได้ถึงความเรียบง่ายที่เปี่ยมด้วยความหมาย

    ราเม็งชิโอะจึงไม่ใช่เพียงเมนูแห่งรสชาติ แต่คือประสบการณ์แห่งความสงบ อ่อนโยน และความอบอุ่น ที่คนทั่วโลกต่างหลงใหลไม่รู้จบ.

    กรุงเทพฯ และวิถีชีวิตเมืองที่มีชีวิตชีวาของ ประเทศไทย พักผ่อนในเมือง กัวลาลัมเปอร์ ช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร และความบันเทิง วิกฤตสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพ ภูมิอากาศ สูตรราเม็งชิโอะ (Shio Ramen) แบบ อร่อย และดั้งเดิม
    Gerald Baker

    Related Posts

    Fish and Chips: อาหาร คลาสสิก ของอังกฤษ

    November 16, 2025

    ไก่ ฟาฮิต้าสไตล์เม็กซิกัน: อาหารจานร้อนที่มีพริกและหัวหอม

    November 15, 2025

    สูตรขนมจีนน้ำ พริก – ขนมจีนราดน้ำพริกรสจัดจ้านแบบไทยแท้

    November 12, 2025

    Comments are closed.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.