Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    hotphuketvillas.com
    • Home
    • ข่าวสารล่าสุด
    • ความบันเทิง
    hotphuketvillas.com
    ความบันเทิง

    จากโคลอสเซียมสู่วาติกัน: สำรวจเสน่ห์แห่ง กรุงโรม

    Gerald BakerBy Gerald BakerJuly 1, 2025No Comments2 Mins Read

    โรม เมืองหลวงแห่งอิตาลี ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์กลางของอารยธรรมโบราณเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ซึ่งประวัติศาสตร์ ศิลปะ ศาสนา กรุงโรม และวิถีชีวิตสมัยใหม่มาบรรจบกันอย่างน่าทึ่ง บทความนี้จะพาคุณออกเดินทางจากโคลอสเซียม—สัญลักษณ์แห่งจักรวรรดิโรมัน ไปจนถึงนครรัฐวาติกัน—ศูนย์กลางจิตวิญญาณของคริสต์ศาสนา ผ่านเส้นทางที่สะท้อนความยิ่งใหญ่และความลึกซึ้งของกรุงโรมในมิติที่ไม่อาจละสายตาได้


    เริ่มต้นที่โคลอสเซียม: ตำนานที่ยืนหยัดเหนือกาลเวลา

    โคลอสเซียม (Colosseum) คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดของการสำรวจกรุงโรม อัฒจันทร์ขนาดมหึมานี้สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 1 เป็นสนามประลองของนักรบโบราณและเป็นเวทีที่สะท้อนความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิโรมัน ปัจจุบัน โคลอสเซียมกลายเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมในยุคโบราณ

    เมื่อคุณยืนอยู่ท่ามกลางซากหินเก่าแก่ของสนามประลองนี้ จินตนาการจะพาคุณย้อนกลับไปในยุคที่เสียงเชียร์ดังกึกก้องและนักรบกำลังเผชิญหน้ากับชะตาชีวิตอย่างกล้าหาญ


    เดินผ่านโรมันฟอรัมและเนินเขาพาลาทีน: หัวใจแห่งจักรวรรดิ

    ถัดจากโคลอสเซียม คุณจะพบกับ โรมันฟอรัม (Roman Forum) กรุงโรม ซึ่งเคยเป็นจุดศูนย์กลางของชีวิตในสมัยโรมันโบราณ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง เศรษฐกิจ หรือศาสนา เสาและซากของวิหารเก่าแก่ เช่น วิหารซาทานา วิหารเวสตา และอาร์กแห่งไททัส ยังคงยืนหยัดอย่างสงบงาม

    จากนั้นขึ้นสู่ เนินเขาพาลาทีน (Palatine Hill) ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังของจักรพรรดิในอดีต จากจุดสูงนี้ คุณจะมองเห็นทิวทัศน์ของโรมันฟอรัมได้ชัดเจน เป็นมุมเงียบสงบที่เหมาะสำหรับการพักและชื่นชมภาพรวมของอารยธรรมโบราณ


    ผ่านจัตุรัสและน้ำพุ: สัมผัสจิตวิญญาณแห่งศิลปะและชีวิต

    ออกจากเขตโบราณสถาน คุณสามารถเดินต่อผ่าน Piazza Venezia, น้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) และ วิหารแพนธีออน (Pantheon) จุดเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย ศิลปะในยุคบารอก และความสร้างสรรค์ที่หลอมรวมกับชีวิตประจำวันของชาวโรมัน

    ที่น้ำพุเทรวี นักท่องเที่ยวนิยมโยนเหรียญลงน้ำเพื่ออธิษฐานให้ได้กลับมาเยือนโรมอีกครั้ง ส่วนวิหารแพนธีออนก็ยังคงเปิดใช้งานเป็นโบสถ์ และมีโดมเปิดกลางอากาศที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนไม่รู้จบ


    สู่ปลายทางอันศักดิ์สิทธิ์: นครวาติกัน

    เมื่อเข้าสู่ช่วงบ่าย คุณสามารถเดินหรือนั่งรถไปยังฝั่งแม่น้ำติเบอร์ (Tiber River) เพื่อไปยัง นครรัฐวาติกัน (Vatican City) ดินแดนอิสระขนาดเล็กที่สุดในโลก แต่ทรงพลังด้วยศิลปะและจิตวิญญาณ

    มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter’s Basilica) เป็นผลงานสถาปัตยกรรมชิ้นเอกที่ควรค่าแก่การเข้าชม ไม่ว่าจะเป็นภายนอกที่ยิ่งใหญ่ หรือภายในที่เต็มไปด้วยงานประติมากรรมและจิตรกรรมระดับโลก เช่น “Pietà” ของมิเคลันเจโล

    หากคุณมีเวลา แนะนำให้เข้าชม พิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museums) ซึ่งรวมผลงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป เช่น โบสถ์น้อยซิสทีน (Sistine Chapel) ที่มีภาพวาดฝาผนังโดยไมเคิลแองเจโลอันโด่งดัง

    เมื่ออดีตและปัจจุบันเดินเคียงข้างกันในโรม

    สิ่งหนึ่งที่ทำให้เส้นทางจากโคลอสเซียมสู่วาติกันน่าทึ่งไม่ใช่เพียงความยิ่งใหญ่ของสถานที่เหล่านี้ หากแต่เป็นการที่ “อดีต” ยังคงหายใจอยู่ท่ามกลางชีวิตประจำวันของผู้คนในปัจจุบัน — คุณจะเห็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านหน้าวิหารแพนธีออน พนักงานออฟฟิศจิบกาแฟใกล้กำแพงโบราณ และเด็กนักเรียนวิ่งเล่นในจัตุรัสที่มีอายุกว่าสองพันปี

    ระหว่างทาง คุณอาจได้ยินเสียงโบสถ์ตีระฆัง เสียงดนตรีข้างถนน หรือแม้แต่เสียงรองเท้ากระทบหินปูพื้น เสียงเหล่านี้ไม่ใช่แค่สัญญาณของชีวิตที่ดำเนินไป แต่เป็นจังหวะของโรมที่ยังคงเดินอยู่ในห้วงเวลาอันยาวนาน — และคุณคือหนึ่งในผู้ได้ร่วมฟัง


    การเดินทางที่มากกว่าการเคลื่อนไหว

    เส้นทางจากโคลอสเซียมไปสู่วาติกันไม่ใช่แค่การเดินจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่คือ การเคลื่อนไหวของจิตใจและจินตนาการ คุณจะได้เห็นว่าเมืองหนึ่งสามารถเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง แกลเลอรีศิลปะ และเวทีแห่งศรัทธาในเวลาเดียวกัน

    แม้คุณจะไม่ได้เป็นนักประวัติศาสตร์หรือนักศิลปะ แต่คุณจะรับรู้ได้ถึง “พลัง” ที่ซ่อนอยู่ในกำแพงแต่ละก้อนของโรม พลังที่ทำให้คุณหยุดเดิน หยุดคิด และเงยหน้าขึ้นมองบางสิ่งที่ไม่มีคำอธิบายชัดเจน


    ปลายทางที่ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นการเริ่มต้น

    เมื่อคุณมาถึงจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ในยามเย็น แสงแดดสีทองจะทอดผ่านโดมของมหาวิหารและตกกระทบหินอ่อนอย่างนุ่มนวล บางทีคุณอาจนั่งลงบนขอบบันได มองผู้คนที่เดินผ่านไปมา และรู้สึกได้ว่า “ปลายทางนี้ไม่ใช่จุดจบของการเดินทาง แต่คือการเริ่มต้นของความเข้าใจใหม่”

    ความเข้าใจในวัฒนธรรม ศาสนา ศิลปะ และตัวคุณเอง ในฐานะผู้เดินทางผ่านประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิตอยู่

    เส้นทางที่สลักไว้ในหัวใจ

    เมื่อคุณเดินจากโคลอสเซียมถึงวาติกัน ไม่ได้มีเพียงภาพถ่ายหรือตั๋วเข้าชมที่ติดมือกลับบ้าน แต่คือความทรงจำอันละเอียดอ่อน—บางอย่างที่จับต้องไม่ได้ แต่จะฝังอยู่ในใจคุณตลอดไป

    คุณอาจจำได้ว่า…

    • แสงอ่อนยามเช้าสะท้อนผนังหินเก่าของโคลอสเซียม
    • กลิ่นกาแฟสดแรกของวันในตรอกแคบๆ ใกล้ Roman Forum
    • ลมเบาๆ ที่พัดผ่านจัตุรัสหน้าวิหารเซนต์ปีเตอร์
    • หรือบทสนทนาเบาๆ กับคนแปลกหน้าใต้เงาเสาศิลาที่มีอายุกว่าพันปี

    ประสบการณ์เหล่านี้คือส่วนผสมอันกลมกล่อมของโรม ที่ไม่ต้องผ่านการบรรยายด้วยถ้อยคำ แต่จะเผยออกมาในความรู้สึกของคุณเสมอ เมื่อคิดถึง “การเดินทางที่ให้มากกว่าการเคลื่อนไหว”


    สำหรับผู้ที่ยังมาไม่ถึง

    หากคุณยังไม่เคยได้เยือนโรม หรือยังไม่เคยเดินตามเส้นทางจากโคลอสเซียมสู่วาติกัน บทความนี้คือคำเชิญจากอดีตที่ยังรอคุณอยู่ โรมไม่ใช่เมืองที่ต้องไป “แค่ครั้งหนึ่งในชีวิต” แต่มันคือสถานที่ที่ควรได้สัมผัส อย่างน้อยสักครั้ง — เพื่อเรียนรู้ว่าโลกที่เราอยู่เคยมีรากฐานอย่างไร

    และบางที…คุณอาจค้นพบว่า คุณไม่ได้แค่เดินผ่านอดีต
    แต่กำลังเดินผ่าน “ร่องรอยของตัวตนมนุษย์” ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าหนังสือเล่มใดเคยเล่า

    โรมในความทรงจำ: เมืองที่มากกว่าการเดินทาง

    สำหรับหลายคน โรมอาจเป็นเพียงจุดหมายปลายทางในแผนการเดินทางครั้งหนึ่งของชีวิต
    แต่สำหรับผู้ที่เคยเดินจากโคลอสเซียมไปสู่วาติกัน
    โรมจะกลายเป็น “จุดเริ่มต้น” มากกว่าจุดจบ

    มันเป็นการเริ่มต้นของ

    • ความสนใจในประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน
    • ความเข้าใจในความหมายของศรัทธาที่ไม่ต้องมีศาสนา
    • ความตระหนักว่า…ศิลปะและอารยธรรมไม่ได้อยู่แค่ในพิพิธภัณฑ์ แต่อยู่รอบตัวเรา
      และบางที อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความปรารถนาเงียบๆ ที่อยากกลับมาอีก

    เส้นทางเดียวกัน ความรู้สึกไม่เคยซ้ำ

    ทุกคนที่เดินเส้นทางเดียวกันนี้—จากโคลอสเซียมสู่วาติกัน—ล้วนเห็นสิ่งเดียวกัน:
    กำแพงหินอายุพันปี, ถนนหินโบราณ, โดมของวิหารยักษ์, น้ำพุเทรวีที่เปล่งประกาย

    แต่สิ่งที่แต่ละคน “รู้สึก” นั้นไม่เหมือนกันเลย
    เพราะโรมไม่ได้เสนอแค่ภาพ —
    มันเสนอ “บทสนทนาเงียบๆ” ระหว่างคุณ กับสิ่งที่คุณเผชิญอยู่ภายในใจ


    หากคุณได้กลับมาอีกครั้ง…

    โรมไม่เคยเปลี่ยนแปลงในแก่นของมัน แต่ทุกครั้งที่คุณกลับมา เมืองนี้จะมอบบางสิ่งที่ไม่เคยเหมือนเดิม
    ครั้งแรก อาจเป็นการตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่
    ครั้งต่อมา อาจเป็นความสงบจากการได้เดินอย่างไม่รีบร้อน
    และในครั้งที่คุณไม่คาดหวังอะไรเลย…โรมจะมอบคำตอบที่คุณอาจไม่รู้ว่ากำลังตามหา

    การเดินทางที่ยังไม่สิ้นสุด

    แม้คุณจะออกจากกรุงโรมแล้ว เดินทางต่อไปยังเมืองอื่น ประเทศอื่น หรือแม้กระทั่งกลับสู่ชีวิตประจำวันที่คุ้นเคย แต่โรมจะยังคงอยู่กับคุณ ไม่ใช่ในกระเป๋าเดินทาง ไม่ใช่ในของฝาก หรือในสมุดพาสปอร์ต — หากแต่อยู่ในมุมหนึ่งของความทรงจำที่ยังมีชีวิต

    และในวันที่คุณ

    • ได้กลิ่นกาแฟเข้มๆ แล้วนึกถึงมื้อเช้าที่ร้านเล็กๆ ใต้เงากำแพงโบราณ
    • ได้ยินเสียงระฆังโบสถ์ในเมืองที่คุณอยู่ แล้วหัวใจสะท้อนกลับไปยังจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์
    • หรือพบถนนที่ปูด้วยหินเก่า แล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเสียงฝีเท้าบนหินโรมัน

    วันนั้นคุณจะรู้ว่า คุณไม่เคยเดินออกจากโรมจริงๆ


    บทเรียนที่ซ่อนอยู่ในแต่ละก้าว

    การเดินจากโคลอสเซียมไปสู่วาติกันไม่ใช่เพียงการเดินผ่านสถานที่อันยิ่งใหญ่
    แต่มันคือการเดินผ่านรากเหง้าของอารยธรรมตะวันตก —
    คือการเห็นว่าความรุ่งโรจน์สามารถถูกรักษาไว้ได้ด้วยศิลปะ ความศรัทธา และการเคารพต่ออดีต

    คือการตระหนักว่าเมืองหนึ่งสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ไม่ใช่เพราะความใหม่ แต่เพราะมัน “มีเรื่องเล่า” ที่ไม่เคยหมดไป

    และสุดท้ายคือบทเรียนที่คุณจะนำกลับไปกับคุณ
    — ไม่ว่าจะไปที่ใดในโลก —
    จงเดินอย่างไม่เร่งรีบ ฟังให้ลึก และมองให้ลึกซึ้งกว่าสิ่งที่ตาเห็น
    เพราะความงดงามอันแท้จริง ไม่ได้ถูกประกาศด้วยป้ายท่องเที่ยว
    แต่มันอยู่ใน “ระหว่างทาง” เสมอ

    โรม: เมืองที่เปลี่ยนวิธีที่คุณมองโลก

    การเดินทางจากโคลอสเซียมสู่วาติกันอาจดูเหมือนเส้นทางท่องเที่ยวทั่วไปของนักเดินทางหลายล้านคนต่อปี แต่สำหรับผู้ที่เปิดใจสัมผัส มันเป็นเส้นทางที่เปลี่ยนแปลงวิธีคิด มุมมอง และความเข้าใจต่อ “เวลา” และ “คุณค่า”

    คุณอาจกลับมามองเมืองของตัวเองด้วยสายตาใหม่
    คุณอาจเริ่มตั้งคำถามว่า…อะไรคือสิ่งที่เราทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง
    หรือคุณอาจเริ่มสังเกตว่า…แม้แต่สิ่งธรรมดารอบตัว ก็มีประวัติศาสตร์เล็กๆ ของมันที่ควรค่าแก่การหยุดและรับฟัง

    การได้เดินผ่านซากโบราณที่ยังคงยืนหยัด
    การได้สัมผัสงานศิลปะที่สื่อสารโดยไม่ต้องใช้คำพูด
    การได้เห็นผู้คนหลากวัฒนธรรมหลอมรวมกันในจัตุรัสเดียว
    —ทั้งหมดนี้เปลี่ยนคุณโดยที่คุณอาจไม่ทันรู้ตัว


    โรมไม่เคยจบลงจริงๆ

    สิ่งที่น่าประหลาดเกี่ยวกับโรมคือ แม้คุณจะเดินทางจากจุดแรกจนถึงจุดสุดท้าย
    แม้คุณจะถ่ายภาพทุกสถานที่สำคัญ
    แม้คุณจะนั่งเครื่องบินกลับบ้านพร้อมสัมภาระครบถ้วน
    แต่จะยังมี “บางสิ่ง” ของโรมที่คุณรู้สึกว่ายังไม่ได้เห็น
    ยังไม่ได้เข้าใจ
    และยังอยากกลับไปสัมผัสอีกครั้ง

    บางคนจึงกลับไป
    บางคนใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อตามหา “โรมในแบบของตัวเอง”
    และบางคน…เพียงแค่หลับตา แล้วเดินทางกลับไปในความทรงจำ


    บันทึกจากใจ: เส้นทางที่เขียนไว้ไม่ใช่แค่ในหนังสือ แต่ในตัวคุณ

    เส้นทางจากโคลอสเซียมสู่วาติกัน อาจไม่ใช่เส้นทางที่ยาวที่สุด
    แต่เป็นเส้นทางที่ลึกที่สุด สำหรับผู้ที่เดินด้วยใจเปิด
    มันเขียนเรื่องราวใหม่ลงในความทรงจำของคุณ
    และกลายเป็นบทหนึ่งของชีวิตที่คุณไม่อาจลบได้

    คุณอาจลืมชื่อถนน
    ลืมว่าถ่ายภาพตรงไหน
    หรือจำไม่ได้ว่าแวะดื่มกาแฟร้านใด
    แต่คุณจะไม่ลืม “ความรู้สึก” ที่คุณได้สัมผัสตลอดทาง


    เพราะฉะนั้น…

    หากคุณยังไม่เคยเดินเส้นทางนี้ จงอย่ารอ
    หากคุณเคยเดินแล้ว จงกลับไปอีกเมื่อใจเรียกร้อง
    และหากคุณไม่มีโอกาสได้กลับไปเลย
    จงรู้ไว้ว่าโรม…ไม่ได้อยู่แค่ในแผนที่

    กรุงเทพฯ และวิถีชีวิตเมืองที่มีชีวิตชีวาของ ประเทศไทย จากโคลอสเซียมสู่วาติกัน: สำรวจเสน่ห์แห่ง กรุงโรม บทบาทของโพรไบโอติกในการปรับสมดุลจุลชีพใน ลำไส้ และผลต่อโรคหืด พระอาทิตย์ขึ้น จากยอดเขา: ความรู้สึกวันหยุดบนภูเขาที่ไม่มีวันลืม โภชนาการที่ดีที่สุดเพื่อเสริมสร้างสุขภาพ ข้อต่อ ไก่ทอด สัญลักษณ์อาหารกรอบกรุบของอเมริกา
    Gerald Baker

    Related Posts

    ท่องเที่ยว ฤดูหนาว ในเยอรมนี: จากตลาดคริสต์มาสสู่เทือกเขาแอลป์

    July 18, 2025

    วันหยุด ยาว งบจำกัด? นี่คือทางออก!

    July 17, 2025

    ดินแดนมหัศจรรย์ฤดูหนาวของ เกาหลี สกี ออนเซ็น และฮอตต็อกอุ่นๆ

    July 15, 2025

    Comments are closed.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.